โลก (The Earth)
โลก (Earth) เป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่สาม ในจำนวนดาวเคราะห์ทั้งหมด ในระบบสุริยะ และ โลกยังเป็นดาวเคราะห์หินขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะอีกด้วย มีพื้นผิวส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยน้ำถึง กว่า 70% จึงได้ชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์แห่งพื้นน้ำ
โลก มีอายุประมาณ 4,570 ล้านปี และหลังจากนั้นไม่นานนัก ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกก็ถือกำเนิดตามมา
โลก มีอายุประมาณ 4,570 ล้านปี และหลังจากนั้นไม่นานนัก ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกก็ถือกำเนิดตามมา
โครงสร้างของโลก
ชั้นโลก แบ่งออกเป็นได้ดังนี้
1. ธรณีภาค ลึกประมาณ0-100 กิโลเมตร มีสมบัติเป็นของแข็ง คลื่นpและคลื่นSผ่านไปด้วยกัน
2. ฐานธรณีภาค แบ่งออกเป็น2บริเวณ ในชั้นนี้คลื่นไหวสะท้อนมีความเร็วไม่สม่ำเสมอ
2.1 เขตคลื่นไหวสะท้อนมีความเร็วลดลง มีความลึก 100-400 กิโลเมตร มีสมบัติเป็นพลาสติก
2.2 เขตการเปลี่ยนแปลง มีความลึกประมาณ 400-600 กิโลเมตร จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแร่ มีสมบัติเป็นของแข็ง
3. มีโซสเฟียร์ มีความลึกประมาณ 400-600กิโลเมตร ในบริเวณนี้คลื่นไหวสะท้อนมีความเร็วขึ้นสม่ำเสมอ เนื่องจากหิน หรือ สาร บริเวณล่างมีโซสเฟียร์ มีสถานะเป็นของแข็ง
4. แก่นโลกชั้นนอก มีความหนาตั้งแต่ 2900-5100 กิโลเมตร เชื่อกันว่าชั้นนี้ประกอบด้วยโลหะเหล็กและนิกเกิลเป็นส่วนใหญ่ โดยมีสถานะเป็นของเหลวหนืด และมีอุณภมิสูงมาก มีอุณหภูมิประมาณ 4300-6200 องศาเซลเซียส คลื่นP ผ่านได้ แต่คลื่นS ไม่สามรถผ่านได้ เพราะแกนโลกชั้นนอกประกอบด้วยสารที่มีของเหลว
5. แก่นโลกชั้นใน ส่วนแก่นโลกชั้นในเหมือนกับแก่นโลกชั้นนอกแต่อยู่ในสถานะของแข็ง เนื่องจากมีความดันและอุณหภูมิสูงมาก โดยอาจสูงถึง 6200-6400 องศาเซลเซียส คลื่นP และคลื่นS มีอัตราค่อนข้างคงที่ มีสถานะเป็นของแข็งที่มีเนื้อเดียวกัน
เปลือกโลก ( crust )
เป็นชั้นนอกสุดของโครงสร้างของโลก มีความหนาระหว่าง 6-35 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. เปลือกโลกภาคพื้นทวีป ( continental crust ) มักมีความหนามาก มีความหนาแน่นต่ำ
2. เปลือกโลคภาคพื้นสมุทร ( Oceanic crust ) มักจะมีความหนาน้อยกว่าเปลือกโลกภาคพื้นทวีป มีความหนาแน่นมากกว่า
เนื้อโลก ( mantle )
เป็นโครงสร้างของโลกที่อยู่ระหว่างเปลือกโลกกับแก่นโลก นอกจากนี้เรายังสามารถพบชั้นหินในลักษณะเดียวกับชั้นเนื้อโลกหรือแมนเทิลนี้ ได้ในดาวเคราะห์หินทั่วไป สำหรับชั้นแมนเทิลของดาวเคราะห็โลกมีความหนาแนนประมาณ 2885 กิโลเมตร ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบร้อยละ 84 ของปริมาณทั้งหมดของโลก
แก่นโลก (core )
เป็นชั้นในสุด ตั้งแต่ความลึกที่ 2900 กิโลเมตร ถึงจุดศูนย์กลางโลกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ แก่นโลกชั้นนอก ( outer core ) มีความหนา 2200 กิโลเมตร เป็นของเหลวพวกโลหะหลอมละลายประเภทเหล็กและนิเกิล และแก่นโลก
เป็นโครงสร้างของโลกที่อยู่ระหว่างเปลือกโลกกับแก่นโลก นอกจากนี้เรายังสามารถพบชั้นหินในลักษณะเดียวกับชั้นเนื้อโลกหรือแมนเทิลนี้ ได้ในดาวเคราะห์หินทั่วไป สำหรับชั้นแมนเทิลของดาวเคราะห็โลกมีความหนาแนนประมาณ 2885 กิโลเมตร ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบร้อยละ 84 ของปริมาณทั้งหมดของโลก
แก่นโลก (core )
เป็นชั้นในสุด ตั้งแต่ความลึกที่ 2900 กิโลเมตร ถึงจุดศูนย์กลางโลกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ แก่นโลกชั้นนอก ( outer core ) มีความหนา 2200 กิโลเมตร เป็นของเหลวพวกโลหะหลอมละลายประเภทเหล็กและนิเกิล และแก่นโลก
1. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365 1/4 วัน
2. การโครจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกในลักษณะที่แก่นเอียง ทำให้เกิดฤดูต่างๆขึ้นบนโลก
3. ระยะทางจาก โลก ถึง ดวงอาทิตย์ นั้นไม่แน่นอน โดยเฉลี่ยแล้วมีระยะทาง 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 92,600,000 ไมล์
4. ดวงจันทร์ เป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกจัดเป็นดาวบริวารขนาดใหญ่ลำดับที่ 5 ในระบบสุริยะ
5. ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในเวลาประมาณ 27.3 วัน
6. ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกเฉลี่ยนับจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางประมาณ 384,403 กิโลเมตร
6. ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกเฉลี่ยนับจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางประมาณ 384,403 กิโลเมตร